การสื่อสารมีบทบาทสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงขับเคลื่อนโลก เทคโนโลยีใหม่ อาทิ 5G AI VR 3D Technology Holograms จะส่งผลกระทบต่อการสื่อสารทั้งเครื่องจักรกับเครื่องจักร (Machine-to-Machine หรือ M2M ) ระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักร(Human to Machine Communication) และระหว่างมนุษย์กับมนุษย์(Human to Human) กูเกิลได้ประสบผลสำเร็จในระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ควอนตัม Quantum Supremacy หรือระบบที่เหนือกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ทั้งมวล ส่งผลกระทบให้เกิดแนวคิดควอนตัมการตลาดและการประชาสัมพันธ์ โดย Kotler และคณะได้เสนอเป็นแนวคิดการตลาด 5.0 เทคโนโลยีเพื่อมวลมนุษยชาติ(Marketing 5.0: Technology for Humanity) เป็นการประยุกต์มนุษย์(marketing 3.0)และเทคโนโลยีใหม่(Marketing 4.0)เพื่อสร้างสรรค์ สื่อสาร และสร้างคุณค่าแก่ผู้บริโภค ใช้เทคโนโลยีใหม่สร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้บริโภค ใช้พลังความก้าวหน้าในเทคโนโลยีเป็นกลยุทธ์ กลวิธี และการดำเนินงานการตลาดโดยยังคงให้มนุษย์เป็นศูนย์กลางของการตลาด นักสื่อสารควรเตรียมพร้อมสู่ความสำเร็จในอนาคต
ด้วยการศึกษาหาความรู้ ติดตามการเปลี่ยนแปลงฉับพลันของเทคโนโลยีอย่างสม่ำเสมอ และปรับตัวอย่างรวดเร็วและเท่าทันการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
*************************
การสื่อสารมีบทบาทสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงขับเคลื่อนโลก การปฏิวัติเทคโนโลยีใหม่ได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงวิธีการสื่อสาร ทั้งในการเชื่อมโยงมวลมนุษยชาติและอุตสาหกรรม โดยการเปลี่ยนแปลงดิจิทัลเป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยีการสื่อสารในอนาคต เทคโนโลยีการสื่อสารได้ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิต ธุรกิจ อุตสาหกรรม ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพ ผลผลิต กำไร การทำงานและวิชาชีพ
อนาคตเทคโนโลยีใหม่ 5G จะปรับปรุงการเชื่อมต่อ เร่งวิธีการสื่อสารของมนุษย์ ตลอดจนวิธีที่มนุษย์สื่อสารกับเครื่องจักร จากความรวดเร็ว แบนด์วิดท์ที่เพิ่มขึ้น และความหน่วงแฝงต่ำ(ทำให้เวลาตอบสนองการป้อนข้อมูลเร็วขึ้น) ซึ่งจะช่วยให้สามารถแสดงทางไกลแบบเรียลไทม์ไปยังสถานที่ต่างๆ 5G และ IoT เปิดโอกาสใหม่ๆแก่โลกเรา ซึ่งเริ่มเห็นได้จากการพัฒนาเมืองอัจฉริยะทั่วโลก การเชื่อมต่อใหม่นี้ช่วยให้อุปกรณ์ IoT เช่น สมาร์ทโฟน แล็ปท็อป รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตนเอง หุ่นยนต์ เครื่องจักร ฯลฯ สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายและขับเคลื่อนนวัตกรรมมากขึ้น
เทคโนโลยีใหม่ อาทิ 5G ส่งผลกระทบต่อปริมาณข้อมูลและข้อมูลที่ถูกส่งผ่านเครือข่าย ความเร็วที่สามารถสื่อสารได้ และวิธีสื่อสาร เทคโนโลยีการสื่อสารในอนาคต จะส่งผลต่อการสื่อสารสามรูปแบบคือ เครื่องจักรกับเครื่องจักร (Machine-to-Machine หรือ M2M ) ระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักร(Human to Machine Communication) และระหว่างมนุษย์กับมนุษย์(Human to Human)
การสื่อสารระหว่างเครื่องจักรกับเครื่องจักร Machine-to-Machine หรือ M2M ที่มักเรียก ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence - AI) และ การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning - ML) เครื่องจักรจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ในเครือข่ายเพื่อการทำงานแบบอัตโนมัติแบบเรียลไทม์โดยไม่ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากมนุษย์ใน แอปพลิเคชัน M2M จะประมวลผลและใช้ข้อมูลเพื่อตอบสนองและทำงานอัตโนมัติตามที่มีการตั้งโปรแกรมไว้ล่วงหน้า เทคโนโลยีนี้ใช้ในสถานการณ์ที่จำเป็นต้องมีการตรวจสอบจากระยะไกล M2M สามารถประยุกต์ใช้งานกับซอฟต์แวร์ควบคุมระยะไกล หุ่นยนต์ โลจิสติกส์ การบริหารจัดการกองเรือ การจัดการคลังสินค้า หุ่นยนต์ และอื่นๆ โทรคมนาคม M2M สามารถใช้สำหรับการจัดการการเชื่อมต่อ การทำงานระยะไกล การจัดการการใช้ข้อมูล การจัดการสินทรัพย์ สมาร์ทโฟน และอื่นๆ เปิดโอกาสในการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน ปรับปรุงการตัดสินใจผ่านการวิเคราะห์ตามเวลาจริง ประหยัดต้นทุน และเพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจ จะมีการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ อุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพ มีการใช้เพื่อติดตามสัญญาณชีพ สถิติ ฯลฯ ของผู้ป่วยในแบบเรียลไทม์ แล้วจ่ายยาเมื่อจำเป็น นอกจากนี้ยังสามารถใช้เพื่อติดตามทรัพย์สินของโรงพยาบาลต่างๆ เช่น อุปกรณ์ เตียงที่มีอยู่ ฯลฯ เทคโนโลยีนี้ยังถูกใช้เพื่อสร้างบ้านอัจฉริยะ ซึ่งสามารถควบคุมเครื่องใช้ในบ้านและเทคโนโลยีอื่นๆ ได้จากระยะไกล ทำให้เทคโนโลยีการสื่อสารในอนาคตมีความโดดเด่น เทคโนโลยีนี้ยังใช้กับยานยนต์ไร้คนขับ หุ่นยนต์ ระบบคลาวด์ ฯลฯ
การสื่อสารระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักร(Human to Machine Communication) หรือ H2M คือ ปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับอุปกรณ์ต่างๆ ที่ทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์และตัวกระตุ้นให้ทำงาน(Actuators แอคทูเอเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่ให้การควบคุมและจำกัดการเคลื่อนไหวหรือการวางตำแหน่งการใช้พลังงาน เช่นไฟฟ้า เครื่องจักรกล เหลวต่างๆ เช่น อากาศ ไฮดรอลิ ฯลฯ) การสื่อสารแบบนี้ส่วนมากเกิดขึ้นได้ด้วยปัญญาประดิษฐ์และการใช้แชทบอท ผู้ช่วยดิจิทัล อุปกรณ์อัจฉริยะ ความเป็นจริงเสมือน ความจริงเสริม และอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง
(IoT) ในทางธุรกิจเทคโนโลยีนี้ถูกใช้เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อประสบการณ์ของลูกค้า แพลตฟอร์ม อาทิ Facebook Twitter เว็บไซต์ สมาร์ทโฟน ที่ซึ่งผู้ใช้งานมีการโต้ตอบและสื่อสารกับแชทบอท และ หรือซอฟต์แวร์แชทอัตโนมัติ (Automated Chat Messenger Software) เทคโนโลยีนี้ช่วยให้ลูกค้าได้รับข้อมูลที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังพูดคุยกับองค์กรธุรกิจ ซึ่งจะช่วยยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า
สารสนเทศและข้อมูลที่รวบรวมโดยแชทบอทเหล่านี้ยังให้ข้อมูลเชิงลึกที่จำเป็นเกี่ยวกับการบริการลูกค้า ประสบการณ์ ปัญหา โอกาสในการปรับปรุง ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจฐานลูกค้า ความต้องการ และความจำเป็น เพื่อให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการชนะใจลูกค้าและความสามารถในการทำกำไรระยะยาว
นอกจากนี้อุปกรณ์ต่างๆที่มนุษย์ใช้งานยังส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการสื่อสารระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักร อุปกรณ์ต่างๆ เช่น สมาร์ทโฟน สามารถติดตามแบบเรียลไทม์และตรวจสอบสิ่งต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อผู้ใช้งานมนุษย์ เช่น ใช้เพื่อติดตามอัตราการเต้นของหัวใจ ระดับอ๊อกซิเจนในเลือด ความดันโลหิต การเผาผลาญไขมัน ความเครียด การเดิน การวิ่ง ฯลฯ รวมถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อม เช่น อุณหภูมิ และสามารถนำมาใช้เพื่อเพิ่มความสะดวก เช่น การใช้สมาร์ทวอทช์เพื่อชำระเงินที่ร้านอาหาร
ด้านการสื่อสารมนุษย์กับมนุษย์ (Human to Human) หรือ H2H จะมีการใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือการทำงานร่วมกันเพื่อการสื่อสารระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ เช่น ช่วงการระบาดใหญ่ของ Covid-19 มีการใช้ Zoom เพื่อการประชุมทางวิดีโอ รวมถึงแพลตฟอร์มการสื่อสาร เช่น อีเมล์ การส่งข้อความโต้ตอบแบบทันที (Instant Messaging) ฯลฯ เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสื่อสารที่ช่วยให้มนุษย์เชื่อมต่อระหว่างกันข้ามพรมแดน จากสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก และบนเครือข่ายต่างๆ ที่หลากหลาย จากเทคโนโลยีเหล่านี้ทำให้ธุรกิจจำนวนมากทำงานอยู่ในที่ห่างไกล แต่ด้วยความสามารถของเทคโนโลยียังคงช่วยให้ทำงานต่อไปได้ตราบเท่าที่มีการเข้าถึงเครือข่ายที่ปลอดภัย
ในอนาคตคาดว่าเทคโนโลยีจะก้าวไปอีกขั้น ความเป็นจริงเสมือน (Virtual Reality or VR) เทคโนโลยี 3 มิติ (3D Technology) และโฮโลแกรม(Holograms) เทคโนโลยีการสื่อสารในอนาคตอาจทำให้ผู้คนนั่งอยู่ในห้องประชุมกับเพื่อนๆ ได้แบบเสมือนจริง ขณะที่แต่ละคนนั่งอยู่ในสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก
นอกจากนี้แนวโน้มสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงโลกคือคอมพิวเตอร์ควอนตัม กูเกิลได้ประกาศความสำเร็จด้านเทคโนโลยีครั้งยิ่งใหญ่ ที่เรียกเสียงฮือฮาจากผู้คน มีการเปิดตัวระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ควอนตัม Quantum Supremacy หรือระบบที่เหนือกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ทั้งมวล วารสารทางวิทยาศาสตร์ Nature ได้ตีพิมพ์ผลลัพธ์ของ Google ในการสร้างคอมพิวเตอร์ควอนตัมที่สามารถทำงานได้อย่างที่คอมพิวเตอร์คลาสสิกทำไม่ได้ สิ่งนี้เรียกว่า "อำนาจสูงสุดของควอนตัม" ในทางปฏิบัติ ชิปซึ่งเรียกว่า Sycamore สามารถคำนวณผลได้ภายใน 200 วินาที แทนที่ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เร็วที่สุดในโลกซึ่งจะต้องใช้เวลาถึง 10,000 ปี การคำนวณควอนตัมขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของกลศาสตร์ควอนตัม ผลคือ คอมพิวเตอร์ควอนตัมอาจแก้ปัญหาที่ยากเกินไปหรือเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับคอมพิวเตอร์แบบคลาสสิก เป็นจุดเริ่มต้นความก้าวหน้าใหม่ หากนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้จริง เช่น การออกแบบแบตเตอรี่ที่ดีกว่า การหาว่าโมเลกุลใดที่จะสร้างยาที่มีประสิทธิภาพ หรือลดการปล่อยมลพิษจากการสร้างปุ๋ยให้น้อยที่สุด นอกจากนี้ยังสามารถช่วยปรับปรุงเทคโนโลยีขั้นสูงที่มีอยู่ เช่น การเรียนรู้ของเครื่องจักร
นอกจากนี้คอมพิวเตอร์ควอนตัม ยังส่งผลกระทบให้เกิดแนวคิดควอนตัมการตลาดและการประชาสัมพันธ์ ซึ่ง Kotler และคณะได้นำเสนอเป็นแนวคิดการตลาด 5.0 เทคโนโลยีเพื่อมวลมนุษยชาติ(Marketing 5.0: Technology for Humanity) อันเป็นการทำการตลาดด้วยเทคโนโยลี(Martech) เป็นการประยุกต์มนุษย์(marketing 3.0)และเทคโนโลยีใหม่(Marketing 4.0)เพื่อสร้างสรรค์ สื่อสาร และสร้างคุณค่าแก่ผู้บริโภค ใช้เทคโนโลยีใหม่ร่วมกับประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้บริโภค เป็นการใช้พลังความก้าวหน้าในเทคโนโลยีเป็นกลยุทธ์ กลวิธี และการดำเนินงานการตลาด แก่นสำคัญของการตลาด 5.0 ได้แก่ เทคโนโลยีแห่งอนาคต(the next tech) ได้แก่ AI (Artificial Intelligence) NLP(National Language Processing Sensor Tech) SENSORS หุ่นยนต์(Robotics) AR(Augmented Reality) VR(Virtual Reality) IoT(Internet of Things) Blockchain และ Big Data Analysis ฯลฯ เพื่อนำไปสู่การสร้างประสบการณ์ใหม่แก่ลูกค้า(Customer Experience – CX) ด้วยการการรับรู้ ดึงดูดความสนใจ การขอร้อง การเชิญชวน สร้างแนวทาง การสอบถามหรือการวิจัย การกระทำ การสนับสนุน การนำส่ง การสร้างค่านิยมไปสู่ลูกค้า วัตถุประสงค์เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่แก่ลูกค้า(Customer Experience – CX) มีแนวทาง 3 อย่างคือ 1.การตลาดเชิงพยากรณ์ ได้แก่ กระบวนการสร้างและใช้การวิเคราะห์เชิงพยากรณ์ 2.การตลาดเชิงเนื้อหาได้แก่ กิจกรรมเพื่อระบุและทำชีวประวัติลูกค้าเพื่อการมีปฏิสัมพันธ์รายบุคคล 3. การเพิ่มพูนการตลาด เป็นการใช้เทคโนโลยีการตลาดเพื่อปรับปรุงผลผลิต ผสานความเร็ว ความสะดวกของดิจิทัลเพื่อสร้างจุดสัมผัสที่เน้นมนุษย์เป็นหัวใจสำคัญเน้นความอบอุ่นและความเข้าใจ สิ่งสำคัญคือเทคโนโลยีควรตามหลังกลยุทธ์ นักการตลาดต้องออกแบบกลยุทธ์เพื่อประยุกต์ใช้กับเทคโนโลยีที่เหมาะสม สิ่งสำคัญคือมนุษย์ยังคงเป็นศูนย์กลางของการตลาดเช่นเดิม
อนาคตของเทคโนโลยีการสื่อสาร จะช่วยเพิ่มความสามารถและคุณค่าของนักสื่อสารต่อองค์การ ในอนาคตจะมีการทำงานข้ามบทบาทกัน แผนกต่างๆในองค์การจะต้องผสมผสานสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ดีและสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า นักการตลาดต้องมีความรู้ความเข้าใจการประชาสัมพันธ์ และนักประชาสัมพันธ์ต้องศึกษาสร้างความรู้ความเข้าใจการตลาด นักสื่อสารควรสร้างความล้ำหน้าและโอกาสในอนาคตให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างฉับพลันด้วยการลงทุนการศึกษาเทคโนโลยี
ขณะเดียวกันเทคโนโลยี AI อาจส่งผลกระทบและพลิกโฉมการทำงานของมนุษย์ งานวิจัยของคาร์ล
เบเนดิกท์ เฟรย์ และไมเคิล เอ ออสบอร์น แห่งมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด ชึ้ว่า 47%ของงานในอเมริกาจะกลายเป็นระบบอัตโนมัติ งานที่มีความเสี่ยงสูงที่จะถูกแทนที่ด้วย AI ได้แก่ งานที่ถึงแม้จะใช้สมองแต่มีแบบแผนชัดเจน เช่น นักแปล พนักงานบริการลูกค้า ขายประกัน ขายทางโทรศัพท์ รวมถึงงานที่ใช้แรงกายแต่ขยับตัวซ้ำๆ เช่น แคชเชียร์ พ่อครัว พนักงานโรงงานเย็บผ้า คนขับรถบรรทุก พนักงานตรวจสอบในโรงงาน แต่โชคดีที่วิชาชีพสื่อสาร ที่ต้องเข้าสังคม สร้างสรรค์และวางกลยุทธ์ อาทิ นักประชาสัมพันธ์จะปลอดภัยจากการแทนที่ของ AI เนื่องจาก AI คุยกับคนไม่เก่ง ทำงานไม่คล่องแคล่วเท่าคน คิดเชื่อมโยงไม่เป็น จึงไม่เก่งในงานสร้างสรรค์ วางกลยุทธ์ที่ซับซ้อน คิดรอบด้าน วิเคราะห์เชิงจิตวิทยา AI ทำได้เพียงการคำนวณจากตัวเลข
นักสื่อสารควรเตรียมความพร้อมสู่ความสำเร็จในอนาคต ด้วยการศึกษาหาความรู้ ติดตามการเปลี่ยนแปลงฉับพลันของเทคโนโลยีอย่างสม่ำเสมอ และปรับตัวอย่างรวดเร็วและเท่าทันการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี